|
ช้าง
(Elephant)
|
ช้าง (Elephant) ที่พบในปัจจุบันมี 2 ชนิด
1. ช้างเอเชีย (Elephant maximus) |
|
2. ช้างแอฟริกา(FOREST ELEPHANT or LOXODONTA) | |
1. ช้างเอเชีย (Elephant maximus) มี 3 ชนิดย่อย 1.1
ช้างศรีลังกา (Elephant maximus maximus) |
2.
ช้างแอฟริกา มี 2 ชนิดย่อย(FOREST ELEPHANT or LOXODONTA)
2.1 ช้างป่าแอฟริกา (Forest Elephant,
or Loxodonta africana cyclotic)
2.2 ช้างทุ่งแอฟริกา
(Savanah Elephant, or Loxodonta africana africana)
ลักษณะที่แตกต่าง
|
ช้างเอเซีย
|
ช้างแอฟริกา
|
1.ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ | มีเฉพาะในทววีปเอเซียตอนใต้และหมู่เกาะที่อยู่ใกล้เคียง เช่น อินเดีย เนปาล พม่า ไทย ลาว เขมร จีนตอนใต้ |
มีเฉพาะทวีฟแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาอา |
2. ภูมิศาสตร์ | ปกติชอบอยู่อาศัยในป่าดงดิบ ทึบ มีอากาศร่มเย็น ไม่ชอบอากาศร้อนจัด |
ถิ่นกำเนิดอาศัยส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย อากาศร้อน ในเวลากลางวัน และหนางในเวลากลางคืนจึงมีความทนทานต่ออากาศร้อนและแห้งแล้งได้ดี |
3. ลักษณะและขนาด |
รูปร่างอ้วนป้อม เพศผู้ เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความสูงสุด
3.2 เมตร (เฉลี่ย 2.4 -2.9 เมตร) |
รูปร่างสูงใหญ่ปและปราดเปรียวกว่าเอเซีย เพศผู้ เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความสูงสุด3.6เมตร (เฉลี่ย2.7 - 3.2 เมตร) เพศเมีย เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความสูงสุด 2.3 - 2.7 เมตร) ตัวผู้เฉลี่ย 4,000 - 5,000 กก. ตัวเมียเฉลี่ย 2,300- 3,700 กก. |
4.
เท้า 4.1 เล็บเท้าหน้า 4.2 เล็บเท้าหลัง |
จำนวนข้างละ 5 เล็บ |
จำนวนข้างละ
4เล็บ จำนวนข้างละ 3 เล็บ |
5. จะงอยปลายงวง | ปลายงวงจะมีงอยเดียว | ปลายงวงมี 2 จะงอย |
6. หลัง | มีลักษณะโค้งงอเหมือนหลังกุ้ง | มีลักษณะหลังแอ่น |
7. หัว | หัวกว้างมี 2 ลอน | หัวแหลมเล็ก มีลอนเดียว |
8. หู | ใบหูมีขนาดเล็กกว่า และขอบบนใบหูอยู่ต่ำกว่าหัว | ใบหูมีขนาดใหญ่กว่าขอบบนใบหูอยู่เหนือหัว |
9.จุดสูงสุดของร่างกาย | อยู่ที่บริเวณหลัง | อยู่ที่ไหล่ |
10.
งา 10.1 เพศที่มีงา 10.2 ขนาดความยาวของงา |
มีงาเฉพาะตัวผู้ตัวเมียไม่มีงา
ตัวผู้บางตัวมีขนาดงาเล้ ๆ เรียกว่า ขนาย งาจะสั้น กว่าช้างแอฟริกาเฉลี่ยความยาวของงา 120 - 160 ซม. |
มีงาทั้งเพศผู้และเพศเมีย ความยาวเฉลี่ย 200 - 250 ซม. (2.00 - 2.50 ม.) |
11.
ฟันกราม 11.1 จำนวนสันร่อง 11.2 ลักษณะรูปร่างลวดลาย สันร่องฟันกราม |
สันร่อง (Ridges)ของฟันกรามในช้างเอเซีย
(แก่ อายุมาก ) มีจำนวนมากที่สุดไม่เกิน 27 สันร่อง สันร่องฟันกรามมีลักษณะรูปร่างลวดลายเป็ววงยาวรีเรียงกัน |
สันร่อง (Ridges)ของฟันกรามในช้าแอฟริกา (แก่ อายุมาก ) มี จำนวนมากสุด 14 สันร่อง |
12. กระดูกซีโครง | มีจำนวน 19 คู่ | มีจำนวน 21 คู่ |
13. ข้อกระดูกหาง | มีจำนวน 33 ข้อ | มีจำนวน 26 ข้อ |
ธรรมชาติของช้าง
ช้างทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นช้างพันธุ์เอเซียหรือพันธุ์แอฟริกามีความเป็นอยู่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคืออยู่เป็นฝูงช้างฝูงหนึ่งมักประกอบด้วยช้าง๕-๑๐เชือกแต่ละฝูงจะมีช้างพลายตัวหนึ่งเป็นหัวหน้าฝูงซึ่งมักจะเป็นตัวที่แข็งแรงที่สุดของฝูงมีหน้าที่คอยเป็นผู้ปกปักรักษาและป้องกันอันตรายให้แก่ช้างในฝูงของตนและเป็นผู้นำฝูงไปหาอาหารในแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ช้างป่าที่หากินอยู่ตัวเดียวถ้าไม่ใช่ช้างแก่ซึ่งเดินตามเพื่อนฝูงไม่ทันก็มักเป็นช้างเกเรที่ถูกขับออกจากฝูงเรียกว่า "ช้างโทน"ช้างโทนนี้มีนิสัยดุร้ายซึ่งเป็นอันตรายแก่ผู้พบเห็นได้ช้างไทยหรือช้างเอเซียมีนิสัยชอบอากาศเย็นและไม่ชอบแสดงจัด
ลักษณะสำคัญของช้างเผือก
โรคของช้าง
เป็นช้างพลายรูปงาม ขนหางสีน้ำผึ้งเจือแดงแก่
งาขาว- ซ้ายเรียวงาม ตาขาวเจือเหลือง
กาย สีดอกบัวแดง เพดานปากขาวเจือชมพู
ขนตัว ขุมละสองเส้น อัณฑะโกศขาวเจือชมพู
ขนโขมด สีน้ำผึ้งโปร่ง เล็บขาวเจือเหลืองอ่อน
ขนบันทัด/หลัง/สีน้ำผึ้งโปร่งเจือแดง หูและหางงามพร้อม
ขนหูขาว เสียงเป็นศัพท์แตรงอน
แม้ว่าช้างจะมีรูปร่างใหญ่โตแต่ก็อาจเป็นโรคได้เช่นเดียวกับสัตว์อื่นช้างที่ถูกกังขังมีโอกาสติดโรคจากสัตว์เลี้ยงได้ง่ายส่วนช้างที่ทำงานในป่ามักเกิดเป็นฝีและโรคผิวหนังพุพองกันมาก ฝีอาจเกิดจากการถูกหนามทิ่มตำผิวหนังเกิดเป็นหนองบวมพองขึ้นมาผิวหนังที่พุพองเป็นตุ่มนั้นส่วนใหญ่เกิดจากแมลงวันป่าชนิดหนึ่งมาไข่ไว้ตามรูขนของช้าง เมือ่ไข่แมลงวันกลายเป็นตัวอ่อนตัวอ่อนก็จะเข้าไปอาศัยในชุมชนแล้วดูดเลือดช้างกินเป็นอาหารช้างที่เป็นโรคนี้จะสังเกตได้ง่ายจากผิวกนังเป็นตุ่มหนอง เมื่อเกาะตุ่มออกจะพบตัวหนอนกลมๆขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวฝังตัวอยู่เมื่อตัวหนอนแก่จะกลายเป็นแมลงวันป่ามารบกวนช้างอีกแล้วทิ้งคราบไว้ในรูปขนที่มันเคยอาศัยอยู่ทำให้ผิวหนังเกิดอักเสบเป็นตุ่มมีหนอง วิธีป้องกันโรคนี้ที่ดีที่สุดคือช้างได้อาบน้ำบ่อยๆและชาวบ้านได้ใช้เครือสะบ้าเป็นฝอยถุตามตัวช้างเวลาอาบน้ำเพื่อฆา่ตัวอ่อนของแมลงวันนี้ นับว่าได้ดีพอสมควรโรคที่ช้างเป็กันมากอีกชนิดหนึ่งคือโรคพญาธิฟิลาเรีย(Filaria)โรคนี้เกิดจากยุงในป่าซึ่งไปกัดสัตว์ที่เป็นโรคนี้มาแล้วมากัดช้างพญาธิที่ติดมากับแมลงก็จะเข้าไปในเส้นโลหิตและเจริญเติบโตและเจริญเติบโตในเส้นโลหิตของช้าง แล้วเข้าไปอุดตันในหัวใจจนทำให้ช้างถึงแก่ความ